เมนู

ทิพพจักขุกถา


[795] สกวาที มังสจักษุ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว เป็น
ทิพยจักษุ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. มังสจักษุ ก็คือทิพยจักษุ ทิพยจักษุ ก็คือ
มังสจักษุ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[796] ส. มังสจักษุ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว เป็นทิพยจักษุ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มังสจักษุเป็นเช่นใด ทิพยจักษุก็เป็นเช่นนั้น
ทิพยจักษุเป็นเช่นใด มังสจักษุก็เป็นเช่นนั้น
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[797] ส. มังสจักษุอันธรรมอุปถัมภ์แล้ว เป็นทิพยจักษุ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. มังสจักษุอันนั้น ทิพยจักษุอันนั้นแหละ ทิพย-
จักษุอันนั้น มังสจักษุก็อันนั้นแหละ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ

[798] ส. มังสจักษุ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว เป็นทิพยจักษุ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. วิสัย อานุภาพ โคจร ของมังสจักษุ เป็น
เช่นใด วิสัยอานุภาพ โคจร ของทิพยจักษุ ก็เป็นเช่นนั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[799] ส. มังสจักษุ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว เป็นทิพยจักษุ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นอุปาทินนะแล้วเป็นอนุปาทินนะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[800] ส. เป็นอุปาทินนะแล้วเป็นอนุปาทินนะ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นกามาวจรแล้วเป็นรูปาวจร หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[801] ส. เป็นกามาวจรแล้วเป็นรูปาวจร หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นรูปาวจรแล้วเป็นอรูปาวจร หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
1. อุปาทินนะ-อนุปาทินนะดูนิทเทสในธรรมสังคณี ข้อ 779 และข้อ 955

[802] ส. เป็นรูปาวจรแล้วเป็นอรูปาวร หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นปริยาปันนะแล้วเป็นอปริยาปันนะ1 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[803] ส. มังสจักษุ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว เป็นทิพยจักษุ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทิพยจักษุ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว ก็เป็นมังสจักษุ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[804] ส. มังสจักษุ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว เป็นทิพยจักษุ
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ทิพยจักษุ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว เป็นปัญญา
จักษุ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[805] ส. มังสจักษุ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว เป็นทิพยจักษุ
หรือ ?
1. ปริยาปันนะ-อปริยาปันนะ ดูนิทเทสในธรรมสังคณี ข้อ 831 และข้อ 983

ป. ถูกแล้ว.
ส. ทิพยจักษุ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว เป็นมังสจักษุ
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[806] ส. มังสจักษุ อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว เป็นทิพยจักษุ
ป. ถูกแล้ว.
ส. จักษุ 2 อย่างเท่านั้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[807] ส. จักษุ มี 2 อย่างเท่านั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสจักษุว่ามี 3 คือ มังส-
จักษุ ทิพยจักษุ ปัญญาจักษุ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสจักษุว่ามี 3
คือ มังสจักษุ ทิพยจักษุ ปัญญาจักษุ ก็ต้องไม่กล่าวว่า จักษุมี 2
อย่างเท่านั้น
[808] ส. จักษุมี 2 อย่างเท่านั้น หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ-
ทั้งหลาย จักษุนี้ มี 3 อย่าง, 3 อย่างเป็นไฉน มังสจักษุ

ทิพยจักษุ ปัญญาจักษุ จักษุมี 3 อย่าง ฉะนี้แล.
พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นบุรุษผู้สูงสุดได้ตรัสจักษุ 3 อย่างนี้
คือ มังสจักษุ ทิพยจักษุ และปัญญาจักษุ อันยอดเยี่ยมไว้แล้ว
ความเกิดขึ้นแห่งมังสจักษุ เป็นทางแห่งทิพยจักษุ ก็เมื่อใด
ญาณ คือ ปัญญาจักษุ อันยอดเยี่ยมมาเกิดขึ้นแล้ว เมื่อนั้น ย่อม
พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ เพราะการได้จักษุนั้น
ดังนี้1 เป็นสูตร
มีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า จักษุมี 2 อย่าง
เท่านั้น.
ทิพยจักขุกถา จบ

อรรถกถาทิพยจักขุกถา


ว่าด้วยทิพพจักษุ


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องทิพพจักขุ.2 ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความ
เห็นผิดดุจนิกายอันธกะและสมิติยะทั้งหลาย ในขณะนี้ว่า มังสจักขุ
1. ขุ. อิติ. 25/239.
2. จักษุ 3. คือ:- 1. มังสจักขุ ได้แก่ จักขุปสาท 2 ทิพพจักขุ ได้แก่
อภิญญาจิตตุปบาทที่เป็นทุติยวิชชาญาณ 3. ปัญญาจักขุ ได้แก่ อาสวักขยญาณ
(ในปกรณ์นี้หรือในขุททกนิกาย อิติวุตตกะ) จักขุ 5 คือ :- มังสจักขุ
ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ พุทธจักขุ สมันตจักขุ (ในขุททกนิกาย มหานิทเทส)